พระสงฆ์ – ศิษย์ธรรมกาย ขู่ดีเอสไอเคลื่อนขบวน หากไม่นำอาหารส่งต่อภายในวัด
ตัวแทนพระสงฆ์วัดพระธรรมกาย
เปิดเผยว่า ดีเอสไออนุญาตให้นำอาหารสดใส่กล่องเข้าไปในวัดได้วันละ 300 กล่องเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ขณะนี้ต้องการให้เจ้าหน้าที่นำอาหารไปส่ง กำหนดเวลาภายใน 10.00น.
ถ้าไม่มาศิษยานุศิษย์อาจจะเคลื่อนออกจากพื้นที่และนำของเข้าไปภายในวัดเอง
ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยเส้นทางได้ “เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
ให้มารับอาหารบิณฑบาตรที่นี่ รับผิดชอบนำส่งให้ถึงมือภายในวัดพระธรรมกาย เดี๋ยวนี้
เราจะรอถึง 10.00น. ถ้า 10.00น. ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
อาหารบิณฑบาตรในส่วนของวัดพระธรรมกายยังตั้งอยู่ตรงนี้
อาตมาต้องยอมรับตามตรงว่าอาจจะไม่สามารถชี้แจงกับญาติโยมสาธุชนที่มาร่วมใส่บาตรในวันนี้ได้
เพราะทุกคนอยากจะนำอาหารเหล่านี้ส่งเข้าไป เขาอาจจะยกอาหารเหล่านี้บุกเข้าไปเอง” ตัวแทนพระสงฆ์วัดพระธรรมกายกล่าว
นอกจากนี้
ยังเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 44
กับพระธัมมชโยและตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต
และชูป้ายข้อความเรียกร้องทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ อ้างเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ ขณะที่บริเวณตลาดกลางคลองหลวง
ยังมีศิษยานุศิษย์ปักหลักสวดมนต์และทำกิจกรรมต่างๆภายในเต็นท์ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มีคำสั่งแต่งตั้งเจ้าคณะอำเภอและพระวินยาธิการ
สนับสนุนในการร่วมปฏิบัติภารกิจกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ในการบังคับใช้กฎหมายกับวัดธรรมกาย ณ บริเวณจุดคัดกรอง ประตู 7 ประจำวันที่ 25 ก.พ.60
ที่มา: http://news.tlcthai.com/news/824617.html
สรุปจากการอ่านข่าว
จากข่าวเป็นการเรียกร้องความยุติธรรมจากพระไปถึงการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลว่าไม่ยอมเอาอาหารไปทำตามที่ทางวัดธรรมกายเสนอไว้
เนื่องจากเลยเวลาที่กำหนด หากไม่ทำตามทางวัดก็จะบุกเข้าไปเอง จากเหตุการณ์นี้
ทางวัดควรจะเคารพกฎกติกาและกฎหมายที่รัฐบาลกำหนด และไม่ควรบุกรุกหรือฝ่าฟืนกฎ
หากบุคคลในวัดธรรมกายไม่อยากทำผิดกฎ ก็ควรจะทำตามขั้นตอนที่ทางกฎหมายได้วางไว้
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา
และทางธรรมกายยังอ้างว่าทางรัฐบาลหรือดีเอสไอทำเกินกว่าเหตุ
แต่ถ้าหากธรรมกายไม่ทำตามกฎหมายบ้านเมือง นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา
44 กับพระธัมมชโยและตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต
และชูป้ายข้อความเรียกร้องทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ฉะนั้นถ้าไม่ผิดก็ควรแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อสังคม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น